7 พิธีกรรมแปลกๆ จากทั่วโลก เชื่อหรือไม่ว่ามันโหดแต่ก็ยังมีอยู่จริง
ไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้โลกเราจะถูกพัฒนาไปมากเท่าไหร่แต่ว่ายังมีบางพื้่นที่ในโลกเรายังคงมีพิธีกรรมที่เรียกได้ว่าโหดแต่มันก็เป็นวัฒนธรรมที่มีการสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
- วัฒนธรรมตัดนิ้วมือ ตามความเชื่อของชนเผ่า Dani ในอินโดนีเซีย
ที่มีผู้ใดในครอบครัวเสียชีวิตถือว่าเป็นความสูญเสียและสร้างความสะเทือนใจให้แก่ครอบครัวอย่างมาก
โดยที่ผู้หญิงถูกตัดนิ้วมือส่วนหนึ่งออกทุกครั้งที่มีการเสียชีวิตของคนใน โดยมีการนำเชือกมามัดไว้ให้ชาแล้วค่อยตัดและเผาปลายนิ้วเพื่อปิดแผล
ซึ่งในทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่
- วัฒนธรรม Endocannibalism นี้เป็นของชนเผ่า Yanomami ที่ออาศัยอยู่ในป่าอะเมซอน
เป็นวัฒนธรรมของการกินคนในเผ่าหลังจากมีการเสียชีวิตจะนำศพมาชำแหละบนใบไม้
แล้วปล่อยตากแดดเพื่อให้แมลงมากินประมาณ 30-45 วัน
จากนั้นจะนำกระดูกมาบดรวมกับซุปกล้วยเพื่อกินทั้งหมู่บ้านเมื่อครบปีจะนำขี้เถ้ามาทำซุปอีกครั้งเพื่อให้วิญญาณไปยังสวรรค์
- วัฒนธรรมการใช้ชีวิตกับคนตาย เป็นไปตามความเชื่อของชาวโตราจาจากประเทศอินโดนีเซียที่มีการขุดคนตายขึ้นมาจากหลุมในทุก ๆ ปีเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกับคนตายเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้จะมีการทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพื่อพาเดินรอบหมู่บ้านและกลับเข้าบ้านตัวเอง
- วัฒนธรรมบูชาหมีของชาวไอนุ มีความเชื่อว่าพระเจ้าแปลงกายมาเป็นหมีเพื่อต้องการอยู่ร่วมกับมนุษย์เพื่อดูแลปกป้อง ทั้งนี้พวกเขาจะทำการบูชายัญหมีหลังจากที่นำมาเลี้ยงได้สองปี และเนื้อหมีก็จะใช้เป็นอาหาร หนังเป็นเครื่องนุ่งห่ม
- พิธีทำร้ายตัวเอง เป็นความเชื่อของนิกายชีอะห์ของศาสนาอิสลาม ด้วยการใช้มีดทำร้ายตัวเองเพื่อให้เลือกไหลและเป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด ทุกทรมาน
- พิธีอุ้มภรรยาข้ามถ่านี่มีความแปลกอย่างมาก การอุ้มภรรยาข้าไฟร้อน ๆ ที่ยังคงมีการสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ก่อนที่จะเข้าบ้านฝ่ายชายจะต้องผ่านพิธีนี้ที่เชื่อกันว่าเป็นการประสบความสำเร็จเรื่องคู่และภรรยาจะทำงานได้ดี
- พิธีศพของชาวเอสกิโม ซึ่งมีหลงเหลือเพียงไม่กี่หมู่บ้านเท่านั้นในทุกวันนี้ คือการนำคนเฒ่า ชราไปทิ้งไว้บนภูเขาน้ำแข็งเพื่อให้เผชิญกับความตายด้วยตนเองตามลำพัง เพื่อลดภาระของครอบครัวเรื่องการดูแลและเชื่อว่าเป็นการส่งไปยังความตายที่สวยงามของความเชื่อชาวเอสกิโม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น